รีดผ้าไม่ใช่เรื่องยาก หมดปัญหารีดผ้าหน้ามันแผล๊บด้วยเครื่องรีดไอน้ำ


สมัยนี้ไปที่ไหน เอะอะก็ภาวะโลกร้อน
ไม่รู้จะโทษอะไร ก็โทษโลกร้อนนี่แหละ ทั้งที่บางเรื่องไม่ได้เกี่ยวกับโลกร้อนเลย

หลาย ๆ บริษัทมีนโยบาย go green ออกมาจริงจัง ไม่รู้ตั้งใจทำจริงหรือแค่เป็นแผน PR บริษัททางอ้อม
Supermarket หลายแห่งชูนโยบายไม่ใส่ถุงพลาสติคเพื่อลดโลกร้อน โดยให้นำถุงผ้ามาใช้ซ้ำ (เอาเข้าจริงๆนอกจากช่วยลดโลกร้อนยังช่วยประหยัดงบค่าถุงพลาสติคไปด้วยเยอะเลยนะนั่น)
ถือเป็นยุคเบ่งบานของการรณรงค์ช่วยรักษ์โลกโดยอ้างอิงกระแสโลกร้อนอย่างจริงจัง

แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีพวกทำเนียน ใช้เรื่องการช่วยลดโลกร้อนมาทำให้ตัวเองดูดี
หนึ่งในหัวข้อหลักที่เห็นได้ชัดเลยคือเรื่องการรีดผ้า
คือที่กล้าบอกว่าเห็นได้ชัดเพราะมันเกิดขึ้นกับตัวเอง
เพราะจะว่าไปแล้วสมัยนี้การซักผ้ามันง่ายนะ
โยนผ้าลงเครื่อง ใส่ผงซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม เปิดน้ำ กดปุ่ม รอซักพักเครื่่องมันจัดการทุกอย่างอัตโนมัติ เรารอแค่ตากผ้าเท่านั้นเอง
บางบ้านล้ำกว่านั้น มีเครื่องอบผ้าด้วย (แดดเมืองไทยเปรี้ยงจะตาย จะอบไปทำไม ไม่เข้าใจ แต่คนที่อยู่คอนโด ไม่มีที่ตากผ้าแล้วต้องอบผ้าแทนตาก อันนี้เข้าใจ)
แต่การรีดผ้าไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุค กี่สมัย กี่รัฐบาล ก็ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับบางคนหรืออาจจะทุกคนด้วยซ้ำ
คือถามจริงเหอะ ถ้ามีคำถาม ถามว่า งานบ้านอะไรที่คุณชอบมากที่สุด? จะมีซักกี่คนที่ตอบว่าชอบรีดผ้า
ถือเป็นงานที่ร้อน หนัก และน่าเบื่อ
บางทีรีดไป ดูทีวีไป ผ้าไหม้ ไม่รู้ตัว

แต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยต้องใช้ชีวิตแบบหนุ่มสาวออฟฟิศ เลยไม่ต้องใส่เสื้อเชิ๊ตกางเกงสแลคแบบเนี๊ยบ ๆ
เสื้อยืดกางเกงยีนส์จึงเป็นเครื่องห่อหุ้มร่างกายแบบประจำวัน นานๆ ทีถึงจะจะใส่เสื้อเชิ๊ตซักครั้ง ส่วนกางเกงสแลคนี่เลิกพูดถึงได้เลย

ครั้นจะส่งเสื้อยืดตัว 199 ที่มีอยู่ไปร้านซักรีดก็ใช่เรื่อง เพราะค่าซักรีดสมัยนี้ถูกซะทีไหน
ส่งซักรีดสามที อาจแพงกว่าซื้อเสื้ิอใหม่
เลยซื้อเครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติมาใช้เอง
แต่ยังคงคอนเซปซัก ตาก แต่ไม่รีด มาตั้งแต่อดีตจวบจนกระทั่งปัจจุบัน

เมื่อก่อนมีคนถามว่าทำไมไม่รีดเสื้อ ก็จะมั่นหน้าบอกไปว่าขี้เกียจ เพราะพวกที่ถามก็เพื่อนๆที่สนิทบ้างไม่สนิทบ้าง
แต่พออายุอานามมากขึ้น เจอคนมากขึ้น บางคนเป็นที่นับหน้าถือตาในแวดวงสังคม บ้างก็เป็นคนมีชื่อเสียงในหลากหลายแวดวง
ไอ้ครั้นพอถูกถามไม่ว่าจะทางวาจาหรือสายตาว่าเสื้อผ้าที่ใส่รีดบ้างไหม?
จะให้ตอบว่าขี้เกียจ ก็ดูจะไม่งามเท่าไหร่ เลยให้เหตุผลไปว่า ไม่รีดผ้า เพราะกำลังช่วยลดโลกร้อน
แหนะ ฟังดูดีเน๊อะ!

คือเป็นเหตุผลที่ฟังแล้วดูดีและเลอค่า ต่อให้เสื้อยับยู่ยี่ก็เหอะ
แต่จะให้ตอบแบบนี้บ่อยๆ ก็คงไม่ดี เพราะเดี๋ยวเค้าจับทางได้
บางทีต้องไปงาน ใส่เสื้อยับไป เกรงใจเจ้าภาพ

แต่จะให้มาหน้ามัน รีดผ้าก็คงไม่ไหว คือเป็นคนมีความพยายามและอดทนนะ แต่ไม่ใช่สำหรับเรื่องรีดผ้า
จะให้ส่งร้านซักรีดก็ไม่ไหว ด้วยความที่อยู่คอนโด ราคาค่าซักรีดเลยหนักเอาการ

คิดได้เช่นนั้นเลยหันไปค้นข้อมูลของเครื่องรีดไอน้ำ
แบบที่เห็นบ่อยๆตามห้างหรือร้านขายเสื้อผ้า
ที่พนักงานยืนจับแปรงแล้วพ่นไอน้ำร้อนๆออกมา
ซึ่งดูแล้วเรื่องการรีดผ้าเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วย

ยิ่งตอนพนักงานห้างสาธิตให้ดู โอ้ววววว มันช่างยอดมากเลยจอร์จ เพราะจากเสื้อยับๆ ที่ขมวดขดเป็นปมๆไว้
พอเอาไอ้เจ้าแปรงที่ว่าไปพ่นไอน้ำใส่ นาบแล้วถูไปมาไม่กี่ที เสื้อเชิ้ตยับๆ ดันเรียบซะงั้น
ถูกจริตเป็นที่สุด เพราะดูใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน
รีดได้ทั้งเสื้อเชิ๊ตไปจนถึงกางเกงยีนส์

สนนราคาค่าตัวมีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่หลักพันยันหมื่น ยี่ห้อจีน ฝรั่ง ญี่ปุ่น หรือกระทั่งไทยแลนด์มีหมด
วันนี้โอกาสดี เลยทุ่มไม่อั้น คว้าของ @Home มา ด้วยราคาค่างวดที่ 2,490 บาท


แหะ ๆ คือให้ซื้อแพงกว่านี้ก็จ่ายไม่ไหว เพราะไม่รู้ว่าเอามาใช้เข้าจริง ๆ มันจะดีมั๊ย
แอบมองโลกในแง่ร้ายว่าพนักงานคงแอบลงน้ำยาอะไรไว้ที่เสื้อหรือเปล่า
ทำไมถูไปมาไม่กี่ทีซื้อจากยับ ๆ ก็เรียบซะงั้น ยังกับเล่นกล
ส่วนไอ้ที่ราคาถูกกว่านี้ สภาพก็ดูไม่น่าใช้ ระเบิดตู้มต้ามมาใครจะรับผิดชอบ
แถมพนักงานการันตีว่ารุ่นนี้รีดดี เรียบง่าย ผ้าไม่มัน ดีและคุ้มค่าเกินราคา

พนักงานขายเก่งจนตอนแรกจากที่คิดว่าจะแค่ไปดูไว้ก่อน สุดท้ายก็หอบหิ้วกล่องกลับมาถึงบ้าน อ่านคู่มือการใช้งาน

ดูแล้วก็ไม่น่ายากอะไร ชิ้นส่วนที่ให้มีเยอะเยอะมากมาย ทั้งแบบรีดชาย รีดปลาย รีดขอบ รีดกลีบให้โค้งเรียบเป็นสะพานแขวนก็มี


 แต่ถามว่าให้ความสำคัญมั๊ย ตอบเลยว่าไม่ เพราะถ้าจะรีบเอาเรียบ คงใช้เตารีดปกติหรือส่งร้านซักรีดไปแล้ว
ที่อุตส่าห์กัดฟันจ่ายเงินมาเพราะอยากใส่เสื้อเรียบแต่รีดสะดวก ไม่ต้อวหน้ามันหัวฟูกับการรีดผ้ากองโต

เห็นพนักงานรีดดูเหมือนง่ายๆ ไหน ๆ ก็ซื้อมาแล้ว ลองรีดดูเลยละกัน
ก่อนอื่นขอประกอบร่างก่อน ทำตามคู่มือ ไม่มีอะไรยาก

เห็นตอนพนักงานสาธิตมีใส่ถุงมือกันร้อน แต่ทำไมไม่ยักกะแถมมาให้ในกล่อง
ไม่เป็นไร มีถุงมือจับหม้อร้อนๆ คิดว่าน่าจะใช้แทนกันได้


ข้อควรระวังคือตรงข้อต่อที่ต้องล็อค กรุณาล๊อคให้แน่น
ป้องกันอันตรายจากไอน้ำร้อน ๆ มันรั่วออกมา

เติมน้ำใส่เครื่อง เปิดสวิตซ์ รอไม่ถึง 2 นาที ไอน้ำก็เริ่มพวยพุ่ง มีเสียงคล๊อกๆ เหมือนคนสำลักน้ำลายเป็นระยะๆ คือต้มมาม่ายังใช้เวลานานกว่าเลย




มาลองรีดกันเลยดีกว่า
เสื้อที่นำมาลองของใหม่เปิดซิงวันนี้มีด้วยกัน 5 แบบ

เรียงตามลำดับความบางของผ้าจากน้อยไปหามาก



ผลสรุปที่ได้ออกมาเริ่ดเลอ เว่อร์วัง เสื้อยืดรีดง่ายมาก ออกมาเรียบเชียว ถู ๆ ไถ ๆ 2-3 ที ย้ำว่า 2-3 ที ไม่ใช่ 2-3 นาที ออกมาเรียบ เป๊ะมาก
คือแบบลากจากบนลงล่าง ปาดไปมา จบเลย ประทับใจมาก
อยากจะกราบคนคิดค้นนวัตกรรมนี้ขึ้นมาทีเดียว
ซ้าย-ก่อนรีด ขวา-หลังรีด
เสื้อเชิ๊ตแบบผ้าบางของ H&M ผ้าอะไรไม่รู้ ขี้เกียจดู ก็ได้ผลลัพธ์ออกมาน่าพอใจ เสื้อตัวนี้ค่อนข้างรีดยากอยู่แล้ว ขนาดใช้เตารีดธรรมดายังต้องใช้ไฟแรง นาบแล้ว นาบอีก ก็ยังไม่ค่อยเรียบ แต่นี้ ถูไถหลายทีหน่อย แต่ก็ออกมาเรียบ ถึงแม้จะไม่ถึงกับเรียบมากก็เถอะ




เสื้อเชิ๊ตแบบบางของ UNIQLO ตัวนี้ก็รีดง่าย ออกมาเรียบเว่อร์  ตรงชายเสื้อกับปกเสื้อแล้วก็ตรงแขน ไม่ได้เน้นเป็นพิเศษนะ ก็แค่รีด ๆ ปาด ๆ ถู ๆ ไถ ๆ


เสื้อเชิ๊ตแบบหนาของ UNIQLO ตัวนี้รีดไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก เพราะผ้าหนา ตอนรีดต้องกดแปรงแบบเน้น ๆ แล้วค่อย ๆ ลาก ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเป็นที่น่าพอใจ

สุดท้ายแล้ว เสื้อยีนส์ คือไม่คิดว่าจะรีดได้ เพราะเนื้อผ้าค่อนข้างหนา แต่ก็รีดเน้น ๆ ลากช้า ๆ แบบตัวบน ก็ออกมาเรียบเหมือนกัน

เสื้อทั้งหมดรีดไปด้วย ดูละครช่อง 3 ไปด้วย
รีดทั้ง 5 ตัวนี้ ละครยังไม่ทันตัดเข้าเบรคด้วยซ้ำ
เน้นรีดแบบชิล ๆ ง่าย ๆ เอาสะดวกเข้าว่า ไม่ได้อยากจะให้เรียบเว่อร์อยู่แล้ว
ตรงปกเสื้อ บ่า ไหล่ แขนเสื้อ ชายเสื้อ ก็รีดแบบผ่าน ๆ ไม่ได้เน้นหรือใช้อุปกรณ์พิเศษที่มีเสริมมาให้ 
เอาว่าแค่ไม่ยับก็ดีใจเหมือนถูกหวยสองตัวบนแล้วเนี่ย


หลักการทำงานของเครื่องน่าจะเป็นการต้มน้ำให้เดือดแล้วใช้ไอน้ำร้อนๆ พ่นไปที่ผ้า ทำให้เส้นใยผ้าพอโดนไอน้ำร้อนๆแล้วจึงพองตัว ผ้าเลยดูไม่ยับ แต่ก็ไม่ได้เรียบมาก คนละหลักการทำงานของเครื่องรีดแบบโบราณที่ทำให้แผ่นเหล็กร้อนแล้วนาบไปที่ผ้า ทำให้ใยผ้าเรียบ และส่งผลให้เนื้อผ้ามัน (เหมือนกางเกงสแลคท่านชายหลายๆคน ที่มันแผล๊บสะท้อนแสงยังกะรองเท้าหนังแก้ว)

ถามว่าสะดวกมั๊ย บอกเลยว่าสะดวกมาก ถือเป็นนวัตกรรมที่อยากเอาไปแนะนำชาวดาวอังคาร หากเกิดการแลกเปลี่ยนเทคโนโลนีระหว่างดวงดาวขึ้นนอนาคต
เติมน้ำ เปิดสวิตซ์ ชั่วเวลาต้มมาม่ายังไม่ทันสุกเครื่องก็พร้อมทำงานแล้ว
ไอน้ำพวยพุ่งออกมาเป็นสายเชียว

จากนั้นก็แค่เอาแปรงพ่นไอน้ำไปนาบๆ ถูๆ ไถๆ ไปมา ผ้าก็ออกมาเรียบในระดับที่น่าพอใจ
ถ้าเป็นผ้าที่ค่อนข้างบาง ถูไถไม่กี่ทีก็เรียบแล้ว
แต่ผ้าหนาๆ อาจจะต้องทำซ้ำหลายๆทีและต้องกดเน้น ๆ หน่อย

อย่างที่บอกไปข้างต้น การทำงานของเครื่องจะเป็นการใช้ไอน้ำร้อนๆ ทำให้เส้นใยผ้ามันฟู ผ้ามันเลยดูไม่ยับ แต่ก็ไม่ได้เรียบเนี๊ยบแบบเตารีดธรรมดา ใครคาดหวังว่าผ้าจะออกมาเรียบกริบเหมือนเอาเต้ารีดร้อน ๆ ทับ อาจผิดหวัง
ไม่แน่ใจเคยเห็นเวลามีการจัดงานตามโรงแรมกันมั๊ย เวลาจะทำให้ผ้าปูโต๊ะ ผ้าคลุมเก้าอี้เรียบแบบเร่งด่วน จะใช้วิธีคล้ายๆกัน
เอากระบอกฟอกกี้มาฉีดน้ำ ฟี๊ดๆ จากนั้นตบๆ ปาดๆ ดึงให้ผ้าตึงๆ พอผ้าแห้ง จากที่ยับๆอยู่ก็ดูเรียบขึ้นมาเยอะเลย

ถามว่าคุ้มค่ามั๊ย คิดว่าโดยส่วนตัวแล้วคุ้มมาก
เพราะส่วนใหญ่ใส่เสื้อยืดหรือเสื้อเชิ๊ตบางๆ
ใช้เจ้าเครื่องนี้รีดแป๊บๆ ก็หายยับแล้ว ไม่ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนใส่เสื้อผ้ายับ ๆ อีกต่อไป

คำนวณง่าย ๆ ถ้าต้องส่งไปให้ร้านซักรีด สมมติตัวละ 25 บาท (นี่คิดแแบบถูกแล้วนะ ราคาแบบนี้หาได้ที่ไหนบอกที) 100 ตัวก็ 2,500 บาท เกินราคาค่าเครื่องมาแล้ว
สมมติเปลี่ยนเสื้อวันละ 2 ตัว ในระยะเวลา 3 เดือนนิดๆ ก็ใช้เครื่องเกินราคาแล้ว

แต่อาจจะต้องระวังตอนรีดหน่อย
เพราะด้วยความที่เครื่องมันทำงานด้วยการพ่นไอน้ำร้อนๆ ถ้าใช้ไม่ระวังอาจจะโดนไอน้ำลวกเอาได้
เพราะขนาดเอาถุงมือที่แถมมากับไมโครเวฟมาใช้ ความร้อนของไอน้ำยังแอบทะลุทะลวงมาโดนนิ้ว
คิดว่าคงต้องกลับไปทวงถุงมือแบบที่พนักงานใช้สาธิตให้ดู เพราะนางดูไม่สะทกสะท้านกับความร้อนของไอน้ำเลย รีดสาธิตให้ดูแบบชิลๆ เหมือนฝึกฝ่ามืออรหันต์ทนไฟมาแล้ว
ไม่แน่ใจว่าลืมแถมมาให้ หรือแถมเฉพาะรุ่นแพงๆก็ไม่รู้










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น