บทสรุป One Eye One Help เจตนาดี แต่ขาดความชัดเจน อีกหนึ่งบทเรียนในการสื่อสารที่ผิดพลาดผ่าน Social Media
ถือเป็น Case Studies ที่สำคัญสำหรับการใช้ Social ในเมืองไทย สำหรับการระดมทุนเงินบริจาคที่กำลังเป็น Talk of the town อยู่ในขณะนี้ โดยการแชร์รูปตาผ่าน ทาง Instagram โดย 1 แชร์ สามารถเปลี่ยนเป็นเงิน 10 บาท ในโครงการ One Eye One Help
เพราะพอเริ่มมีคนในวงการบันเทิงเริ่มแชร์ภาพ กระแสก็แรงแบบฉุดไม่อยู่แล้ว
OneEyeOneHelp |
OneEyeOneHelp |
จะว่าไปแล้วเพียงระยะเวลาไม่กี่วัน การแชร์รูปดวงตาผ่าน Instagram ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว
หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าแล้วเงินบริจาคที่ว่าจะมาจากไหน จนเป็นที่มาของการสืบหาความชัดเจนและที่มาที่ไปของโครงการในช่วงที่ผ่านมา (ทั้งที่ก่อนหน้านั้น หลายคนแชร์โดยไม่ฉุกคิด เพราะอย่างที่รู้กันว่าคนไทยใจดีและชอบทำบุญ แค่แชร์รูปภาพผ่าน Instagram ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร)
สามารถตามอ่านเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ที่ คนไทยใจดี กับกระแสทำบุญและการระดมทุนผ่านสื่อออนไลน์ #OneEyeOneHelp
ทีนี้พอหลาย ๆ คนตั้งข้อสงสัยเรื่องแหล่งเงินบริจาคและสอบถามไปยัง Instagram ของน้อง ๆ ผู้ริเริ่มโครงการ One Eye One Help กลับไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด จนกระทั่งมี blogger หลาย ๆ ท่านโทรศัพท์ไปสอบถามความแน่ชัดของโครงการกับทาง KIS International School ซึ่งทาง KIS International School ไม่ได้เป็นผู้จัดโครงการนี้และไม่ทราบรายละเอียด รู้แต่เพียงว่าเป็นโปรเจคของนักเรียนเกรด 8 ที่ทำในชั้นเรียน Community and Service
พอกระแสท้วงถามถึงความชัดเจนของโครงการนี้แรงขึ้น ปรากฎว่าไม่นานนัก Instragram ของ @mmmami ก็ได้ขึ้นภาพขอยุติกิจกรรมเนื่องจากครบตามเป้าหมายแล้ว !!!??? ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการพูดถึงเป้าหมายของโครงการแต่อย่างใด นอกจากประเด็นการแชร์รูปดวงตาผ่าน Instagram แลกกับเงินบริจาค 10 บาทต่อ 1 ภาพ
รายละเอียดต่าง ๆ ของโครงการ One Eye One Help ยังคงมืดมัว เพราะไม่ว่าใครสอบถามไปยัง Instagram ของทางทีมงานของโครงการก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ และเมื่อเพจดังอย่าง Drama addict นำเรื่องราวเกี่ยวกับ คนไทยใจดี กับกระแสทำบุญและการระดมทุนผ่านสื่อออนไลน์ #OneEyeOneHelp ไปลงในเพจ ก็เหมือนจะเป็นการปลุกกระแสเรื่องนี้ให้คนหันมาสนใจมากขึ้น
ก่อนหน้านี้เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงคลางใจว่าเงินบริจาคจะมาจากไหน แต่เพราะการแชร์ภาพดวงตาและติด hashtag #OneEyeoneHelp ทำได้ไม่ยาก จึงทำให้การแชร์ภาพดวงตาผ่าน Instragram เกิดเป็นกระแสอันรวดเร็ว แต่พอมีคนสอบถามไปทางสถานสงเคราะห์บ้านเด็กอ่อนพญาไท จนเป็นที่มาของภาพที่แชร์กันอยู่ล่าสุดเกี่ยวกับ โครงการ OneEyeoneHelp
OneEyeOneHelp |
หลังจากนั้นไม่นาน คุณ @kaii888 ได้เข้ามาชี้แจงใน Instagram ของ @mmmami ว่ากิจกรรมนี้มีอยู่จริงเพียงแต่เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นในชั้นเรียนเท่านั้น และที่สำคัญเงินบริจาคก็ไม่ได้มาจากสปอนเซอร์แต่อย่างใด แต่เป็นเงินของเด็กนักเรียนเองที่ได้จากการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ และบางส่วนสมทบทุนมาจากผู้ปกครองของเด็ก ๆ (อ่านกันได้จากภาพที่เซฟมานะครับ)
แต่เชื่อว่าการที่คุณ @kaii888 บอกว่าทางโรงเรียนรับทราบเรื่องราวเกี่ยวกับกิจกรรมนี้เป็นอย่างดี คงไม่ใช่เรื่องจริงแน่ ๆ และมัั่นใจว่าคุณ @kaii888 คงยังไม่ได้ฟังคลิปเสียงการสนทนาของทีมงาน catmint.in.th กับทาง KIS International School ยังไงคุณ @kaii888 มีโอกาสเข้ามาอ่าน blog หรือคนที่อยากทราบรายละเอียดลองไปฟังคลิปเสียงกันได้นะครับ ฟังดูแล้วจะทราบว่าทาง KIS International School พยายามแบ่งรับแบ่งสู้ และกำลังหาทางรับมือกับปัญหานี้อยู่
https://soundcloud.com/catmintinth/oneeyeonehelp-clarification
ขอบคุณคลิปเสียงจาก catmint.in.th
OneEyeOneHelp |
คำตอบเมื่อออกมาในรูปแบบนี้ถึงแม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่ก็สามารถสรุปได้ว่า โครงการ OneEyeoneHelp เป็นเพียงกิจกรรมของเด็ก ๆ ที่จัดขึ้นมาเป็นการภายในเท่านั้น เงินทุกบาทสำหรับโครงการนี้ก็มีการจัดหาไว้เรียบร้อย ซึ่งคือเงินของเด็ก ๆ เองและส่วนหนึ่งสมทบจากผู้ปกครอง ไม่ได้มีสปอนเซอร์ใหญ่หรือแบรนด์ใดสนับสนุนอย่างเป็นทางการ โดยมีการตั้งงบประมาณไว้ที่ 100,000 บาท และเป็นเพียงโครงร่างของโครงการเท่านั้น ทาง KIS International School ไม่ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดกิจกรรมแต่อย่างใด และทางสถานสงเคราะห์บ้านเด็กอ่อนพญาไทก็ไม่ทราบรายละเอียดของโครงการนี้ เนื่องจากยังไม่มีใครติดต่อเข้าไปอย่างเป็นทางการ มีเพียงการติดต่อเข้าไปเพื่อสอบถามข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น เหมือนกับเวลาที่เรา ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลายต้องการไปบริจาคของหรือเลี้ยงอาหารตามมูลนิธิต่าง ๆ ก็จะโทรเข้าไปก่อนเพื่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ (ดังที่กล่าวไว้แล้วว่าเป็นเพียงโครงร่างของโครงการเท่านั้น)
การที่โครงการนี้เป็นเพียงโครงร่าง แต่ถูกเผยแพร่ผ่าน Instagram และได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีโดยไม่มีการชี้แจงรายละเอียดที่ชัดเจน ทำให้การแชร์ภาพดวงตากลายเป็นเหมือนจดหมายลูกโซ่ เพราะคนต่างแชร์ภาพไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้ว่าเงินบริจาคจะมาจากไหน และเป้าหมายของโครงการตั้งไว้อย่างไร
แต่จุดที่ข้องใจคือทำไมนักเรียนหรืออาจารย์ที่ปรึกษาของโครงการ One Eye One Help ไม่ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดให้ชัดเจนตั้งแต่แรก และปล่อยให้สังคมตั้งคำถาม จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ ซึ่งถึงแม้จะมีเจตนาดี แต่ก็ทำให้เกิดข้อกังขาในสังคม หรือกำลังต้องการอะไรกันแน่?
กรณีกิจกรรมขอ Like เพื่อจัดกิจกรรมมีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ขอยกกรณีของคุณตัน Ichitan ที่มีการขอ Like จากลูกเพจ แต่ก็มีการแจ้งชัดเจนว่าถ้าได้ 5 แสนไลค์ จะได้เป็นเงิน 100 ล้านจากคุณภรรยา เพื่อพาลูกค้าอิชิตันไปเที่ยวฮอกไกโด
หรืออย่างกรณีขอ Like เพื่อแลกกับ 1 บาท เพื่อเป็นเงินบริจาค สุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องลวงลวงก็มีให้เห็นบ่อย ๆ ถึงขนาดเพจดังอย่าง Drama-addicr เคยเอามาลงไว้แล้ว ไลค์ช่วยโลก!!!
ไม่อยากให้มิจฉาชีพใช้ความใจดีของคนไทยเป็นช่องทางเอาเปรียบคนในสังคม เหมือนกรณีการระดมทุนใน pantip.com เพื่อช่วยเหลือคุณแม่ผู้ประสบเคราะห์จากภัยธรรมชาติ ที่สุดท้ายก็กลายเป็นเคสลวงโลก จน Drama-addict เอามาลงไว้อีกเช่นกัน เคสลวงโลกคุณแม่ผู้ยากไร้
ตัวอย่างการใช้ Social Media ในการระดมทุนเงินบริจาคเพื่อใช้ในโครงการรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจร
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือแมวจรจัด ซึ่งทางโครงการฯ มีการดำเนินงานและบริหารเงินบริจาคแบบชัดเจน ไม่มีหมกเม็ด
กรณีของเด็กเกรด 8 ของ KIS International School จะบอกว่าเป็นเคสลวงโลกก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปาก เพราะมีการทำโครงร่างของโครงการนี้ขึ้นมาในชั้นเรียน แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ประเด็นอยู่ที่การนำเรื่องนี้ออกมาแชร์ใน Social Media โดยไม่แจ้งความชัดเจนของโครงการ เช่น แหล่งที่มาของเงินบริจาค หรือจำนวนยอดการแชร์ที่จะตั้งเป็นลิมิทไว้ ทำให้เกิดข้อกังขาในสังคมถึงความชัดเจนของโครงการ
แต่ถ้าจะให้บอกว่าเป็นโครงการที่เกิดขึ้นจริงก็ไม่สามารถพูดได้ เนื่องจากไม่มีการติดต่อใด ๆ ไปทางสถานสงเคราะห์บ้านเด็กอ่อนพญาไทอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
สิ่งที่เกิดขึ้นและสังคมรับทราบคือการแชร์ภาพดวงตาผ่าน Instragram เพื่อแลกกับเงินบริจาคภาพละ 10 บาทให้กับสถานสงเคราะห์บ้านเด็กอ่อนพญาไท เรื่องราวดี ๆ แบบนี้ใครจะไม่อยากร่วม ???
เรื่องนี้ถือเป็น Case Studies ที่ต้องจำไว้เป็นบทเรียนสำหรับคนที่จะใช้ Social Media เป็นช่องทางในการกิจกรรมต่าง ๆ เพราะสังคมคอยจับตาและคอยตั้งคำถามถึงความถูกต้อง หากคิดจะใช้ Social Media เป็นเครื่องมือในการจัดกิจกรรม ความชัดเจนถือเป็นประเด็นที่สำคัญมาก และยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการระดมทุนเงินบริจาค เชื่อว่ามีหลาย ๆคนจับตามองอยู่ เพราะไม่อยากให้มิจฉาชีพใช้วิธีนี้เป็นช่องทางทำมาหากิน
โครงการ One Eye One Helpจะไปต่อว่าเด็กเรื่องเจตนาดีที่คิดโครงการนี้ขึ้นมาก็ไม่เหมาะสมนัก ยิ่งพอรู้ว่ามีผู้ใหญ่รับทราบความเป็นไปแต่กลับไม่ให้คำแนะนำที่ถูกต้อง คนที่ควรถูกตำหนิเป็นอย่างยิ่งคือผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ถ้าจะจัดกิจกรรมแบบระดมทุนกันเองเป็นการภายในแบบนี้แล้วไปทำบุญ ควรหรือไม่ที่จะต้องเอามาแชร์ให้เกิดเป็นกระแสและกลายเป็นข้อกังขาใน Social Media !!!???
ไม่อยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ One Eye One Help เล่นกับความรู้สึกของคนในสังคมแบบนี้ เพราะอาจทำให้ผู้ที่ต้องการระดมทุนเพื่อหาเงินบริจาคสำหรับกิจกรรมดี ๆผ่าน Social Media ต้องพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย เนื่องจากสังคมจะคอยตั้งคำถามถึงความชัดเจนของแต่ละโครงการ
มิจฉาชีพที่ปลอมตัวแฝงอยู่ในสังคมนี้มีอยู่มากมาย อย่าเปิดโอกาสหรือทำให้พวกเขาเหล่านั้นหากินกับความรู้สึก ดี ๆ ของผู้คนในสังคมไทยเลย
ถึงเจตนาจะดี แต่สังคมก็ต้องการความชัดเจน!
ส่วนกิจกรรม One Eye One Help จะนำเงิน 100,000 บาท ไปบริจาคให้กับมูลนิธิบ้านเด็กอ่อนพญาไทหรือไม่ เป็นหน้าที่ของสังคมที่จะต้องคอยติดตาม ไม่อย่างนั้นการแชร์ภาพดวงตาผ่าน Instagram ก็จะเป็นเหมือนจดหมายลูกโซ่ที่เด็กเลี้ยงแกะเล่นกันสนุก ๆ ในหมู่เพื่อนโดยมีผู้ใหญ่รู้เห็นเป็นใจก็เท่านั้นเอง
มีการชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ One Eye One Help ผ่านทาง Instagram ของ @mmmami โดยคุณ @pikularoon ซึ่งสามารถตอบคำถามที่สังคมกำลังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับโครงการนี้ได้ดีทีเดียว และเชื่อว่าหากมีการชี้แจงรายละเอียดแบบนี้ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ สังคมคงไม่วิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบเพื่อถามหาความชัดเจนอย่างแน่นอน
ล่าสุดการแชร์ภาพผ่าน Instagram และติด Hashtag OneEyeOneHelp มียอดแชร์เกือบ 50,000 ครั้งไปแล้ว และไม่มีทีท่าว่าการแชร์ภาพดวงตาและติด Hashtag ดังกล่าวจะหยุดลงได้ ทั้งที่ทางทีมงานผู้จัดโครงการนี้ได้ประกาศยุติโครงการอย่างเป็นทางการแล้ว กลายเป็นกระแสจดหมายลูกโซ่ผ่าน Social Media ในโลกยุคดิจิตอลที่น่าจับตามอง ว่าจะจบลงเมื่อใด
OneEyeOneHelp |
อัพเดท 23/03/2014 เวลา 21.24 น.
โพสท์ล่าสุดของ @pikularoon ใน Instagram ของ @mmmami ได้แจ้งว่ามาจดหมายอย่างเป็นทางการจาก KIS International School แล้ว และโพสท์ใน #OneEyeOneHelpOneEyeOneHelp |
ซึ่งก็เป็นไปตามความคาดหมายว่าทาง KIS international School คงกำลังหาทางออกและข้อยุติที่ดีที่สุดสำหรับกรณีนี้ เพื่อไม่ให้เด็ก ๆ เจ้าของโครงการต้องได้รับผลกระทบจากกระแส Social Media จนหมดกำลังใจในการทำความดี
OneEyeOneHelp |
กิจกรรมดี ๆ ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ดำเนินการก็ตาม ความชัดเจนถือเป็นเรื่องที่ต้องมาควบคู่ไปกับเจตนาที่ดี เพื่อไม่ให้สังคมตั้งคำถาม สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นกับโครงการ One Eye One Help น้อง ๆ นักเรียนคงได้ประสบการณ์ที่ดีและมีค่าไปแล้ว
ปัจจุบัน การแชร์ภาพดวงตาและติด Hashtag #OneEyeOneHelp ก็ยังดำเนินไปเรื่อย ๆ จนมียอดการแชร์เกิน 50,000 โพสท์แล้ว เพราะมีอีกหลาย ๆ คนที่ยังไม่ทราบความจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการนี้ รวมไปถึงการยุติกิจกรรมลงไปแล้วหลังจากที่มีการแชร์ภาพครบ 10,000 ภาพ
จะเป็นการดีหากทุกท่านร่วมกันนำเสนอความจริงและสะท้อนถึงเจตนาอันดีของเด็กนักเรียนกลุ่มนี้ รวมไปถึงการบรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้และการยุติลงของโครงการ One Eye One Help และบอกต่อ ๆ กันไปในโลก Social เพื่อให้การแชร์ภาพดังกล่าวยุติลง และปิด Case Studies ที่สำคัญของการใช้ Social Media ในการระดมเงินบริจาคอีกเคสหนึ่งลง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น